การประกอบอาชีพ


การประกอบอาชีพของประชากรในจังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ การทำนา   ทำไร่และทำสวนผล        ไม้ยืนต้น มีการปลูกพืชผักผลไม้สวนครัวและไม้ประดับอยู่บ้างและมีการประกอบอาชีพอื่นๆนอกจากภาคเกษตรกรรม ประมาณร้อย  39.70


            1.การปลูกข้าวนาปรัง
การปลูกข้าวนาปรัง เกษตรกรจะทำนาปรัง เพื่อให้เกษตรกรมีอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ข้าวที่นิยมปลูก ส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่คือข้าวเหนียวพันธุ์ กข.10 และข้าวจ้าวพันธุ์ชัยนาถ 1     ปลูกเพื่อการบริโภคในครัวเรือนมีเหลือจึงแบ่งขาย แต่ราคาก็ไม่สูงเช่นเดียวกับข้าวนาปี เช่น ข้าวนาปีกิโลกรัมละ 10 บาท ข้าวนาปรัง กิโลกรัมละ 3-4 บาท ประกอบกับต้นทุนในการปลูกค่อนข้างสูง ทำให้พื้นที่ในการปลูกต่อรายไม่น้อย ประมาณ 5 - 10 ไร่ /รายเท่านั้น 

2.การทำไร่อ้อย
อ้อย เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของ ประเทศ คือ
1)มีการบริโภคน้ำตาลในประเทศปีละประมาณ 1.6-1.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 17,000-19,000 ล้านบาท
2)มีการส่งออกน้ำตาลจำหน่ายในตลาดโลกปีละกว่า 3 ล้านตัน นำรายได้เข้าประเทศประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้ประเทศไทยมีสถานภาพเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก บราซิล สหภาพยุโรป แต่บางปีจะเป็นอันดับ 4 รองจากออสเตรเลีย มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 9.5 ของโลก มีตลาดสำคัญ คือ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
3)เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยจะมีรายได้จากการจำหน่ายอ้อยทั้งหมด ประมาณ 30,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้ภาคเกษตรทั้งหมด
4)เป็นตลาดแรงงานใหญ่มีผู้เกี่ยวข้องทั้งด้านแรงงานตัดอ้อยและแรงงานในโรงงาน น้ำตาล ในช่วงฤดูตัดอ้อยประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนเมษายน จะมีการจ้างแรงงานไม่ต่ำกว่า 600,000 คน ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงแรงงานในการบรรทุกและขนส่งอ้อย
5)ความสำคัญด้านพลังงาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเอธานอลแห่งชาติขึ้น เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีโครงการจัดตั้งโรงงานแอลกอฮอล์ เพื่อใช้ผสมในน้ำมันเบนซนในอัตราส่วน 1:10 ซึ่งสามารถใช้ได้ดีเทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 โดยโรงงานดังกล่าวจะใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ

3.การปลูกยางพารา 
จากการที่มีข่าวปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคายางพารา ทำให้เกษตรกรชาวสวนยาง ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ รัฐบาลมีนโยบายที่จะช่วยเหลือชาวสวนยาง ด้วยการลดต้นทุนการผลิต เพื่อช่วยเหลือค่าปุ๋ย 1,260 บาทต่อไร่ แต่ไม่เกิน 10 ไร่ และเตรียมขยายเป็น 25 ไร่ในอนาคต ซึ่งจะเร่งให้แล้วเสร็จใน 15 วัน และมั่นใจว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้อย่างยั่งยืนมากกว่าการแทรกแซงหรือประกันราคา เพราะการแทรกแซงราคา จะทำให้ในอนาคตประเทศไทย จะถูกผู้ค้ากดราคาให้ตกต่ำกว่าตลาดโลก และรัฐบาลก็พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งเรื่องยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าว โดยจะติดตามรับฟังและแก้ปัญหาร่วมกับคณะรัฐมนตรี
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการปลูกยางพาราในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ได้มีการสำรวจพื้นที่ปลูกยางพารา ประจำปี 2555 ทั้ง 16 อำเภอ แล้ว พบว่ามีพื้นที่เพาะปลูกยางพารา รวมทั้งสิ้น 74,849 ไร่ โดยมีอำเภอคอนสาร ปลูกมากที่สุด 21,101 ไร่ และพื้นที่ปลูกน้อยที่สุดได้แก่ อำเภอซับใหญ่ 80 ไร่







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น